รีวิว Infinix Note 50 Pro+ 5G หลังใช้งาน 1 อาทิตย์ ดี - ไม่ดี ?
สวัสดีครับคุณผู้ชม กลับมาพบกับรีวิวฉบับจัดเต็มหลังจากใช้งานจริงกับ Infinix Note 50 Pro+ 5G กันนะครับ หลังจากที่เคยทำพรีวิวแบบละเอียดมากๆ ไปแล้ว คราวนี้เรามาดูกันว่าหลังจากการใช้งานหนักๆ เป็นเครื่องหลักมา 1 สัปดาห์เต็มๆ เจ้ามือถือรุ่นนี้จะดีจริงสมคำร่ำลือ หรือมีจุดไหนที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษบ้าง
ต้องบอกก่อนเลยว่า Infinix Note 50 Pro+ 5G รุ่นนี้ อัดแน่นฟีเจอร์มาเยอะมากจริงๆ ทั้งเทคโนโลยี AI, กล้องที่โหดไม่แพ้ใคร (มีเลนส์ Periscope ด้วย!), ลำโพง JBL, การชาร์จไร้สาย, แถมยังเคลมเรื่องการจับสัญญาณดาวเทียมที่แม่นยำอีก ทำให้การรีวิวในคลิปเดียวแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ในบทความนี้ เราจะสรุปประสบการณ์เน้นๆ จากการใช้งานจริงมาให้ครบถ้วนครับ
ดีไซน์และงานประกอบพรีเมียมเกินคาด สัมผัสแข็งแกร่ง
- วัสดุพรีเมียม: จุดเด่นแรกที่ต้องชมคือวัสดุและการประกอบครับ ตัวเครื่องใช้โลหะ "Armor Alloy" ที่ทาง Infinix เคลมว่าเป็นเกรดเดียวกับอากาศยาน ให้ความรู้สึกแข็งแรง ทนทาน และดูหรูหราเกินราคามากๆ
- ดีไซน์คุ้นตา: แม้รูปทรงอาจจะไม่ได้เหมือนเป๊ะ แต่ก็มีความคล้ายคลึงกับดีไซน์เรือธงบางรุ่น จนบางทีวางบนโต๊ะอาจมีหยิบผิดได้เหมือนกัน กรอบกล้องทรง 8 เหลี่ยมด้านหลัง ก็ดูมีเอกลักษณ์คล้ายกระจังหน้า BMW
- จอขอบบาง: ขอบจอบางเฉียบ ทำให้พื้นที่แสดงผลดูเต็มตา
- BioActive Halo AI Lighting: ไฟวงแหวนด้านหลัง นอกจากจะสวยงาม แจ้งเตือนได้ ยังใช้ร่วมกับเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจและออกซิเจนในเลือดได้ด้วย
- สัมผัส: ฟีลลิ่งการจับถือดีมาก แม้จะเป็นรองเรือธงจริงๆ แต่ให้ความรู้สึกพรีเมียม ไม่ก๊องแก๊ง ถือเป็นมือถือในช่วงราคาหมื่นนิดๆ ที่งานประกอบดีเยี่ยมจริงๆ
- หน้าจอ: สีสันสดใส 144Hz ลื่นไหล
- สเปคจอ: หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz ให้ความสว่างสูงสุด 1300 nits
- การใช้งาน: สีสันสดใส จัดจ้าน เหมาะมากสำหรับการดูการ์ตูน เล่นเกม หรือเสพคอนเทนต์ที่เน้นความบันเทิง ความสว่างสู้แสงกลางวันได้ดีพอสมควร
- ข้อสังเกต: สำหรับคนที่ต้องการความแม่นยำของสีสูงๆ อาจจะต้องพิจารณา เพราะจอจะเน้นความสดใสมากกว่าความสมจริง (อาจจะตรงประมาณ 70-80%)
- Touch Response: การทัชทำได้ดี ลื่นติดนิ้ว ตอบสนองเร็วใกล้เคียงรุ่นท็อปๆ ในเรทเดียวกันเลย เล่นเกมไม่หงุดหงิด (ทดสอบแบบไม่ติดฟิล์ม)
- PWM Dimming: มีค่า PWM สูงถึง 2304Hz ช่วยลดอาการจอกะพริบ ถนอมสายตาได้ดี
ประสิทธิภาพและการเล่นเกม
- ชิปเซ็ตมาพร้อม MediaTek Dimensity 8350 (4nm) ซึ่งเป็นชิปที่แรงมากในราคานี้
- ให้ RAM มา 12GB (ขยายเพิ่มได้อีก 12GB) และ ROM 256GB (UFS 4.0) แต่เพิ่ม MicroSD Card ไม่ได้
- การใช้งานทั่วไปลื่นไหล ไม่มีสะดุด เปิดแอปสลับไปมาได้สบายๆ
- การเล่นเกม (RoV) ปรับสุดได้สบายๆ เล่นลื่นมาก เฟรมเรทนิ่ง แต่ช่วงแรกที่ทดสอบ พบว่าเครื่องร้อนค่อนข้างเร็ว (แตะ 40°C ใน 20 นาที) อย่างไรก็ตาม หลังใช้งานไป 3-4 วัน อาการร้อนดูเหมือนจะลดลง อาจเกิดจากการที่เครื่องเรียนรู้พฤติกรรม หรือมีการปรับแต่ง Software ภายหลัง เมื่อทดสอบเล่นพร้อมอัดหน้าจอ 1080p 60fps เป็นเวลา 1 ชั่วโมง อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 40.7°C ซึ่งถือว่าจัดการได้ดีขึ้น
- การเล่นเกม (PUBG) รองรับ 120fps เล่นได้ลื่นไหล แต่ถ้าอัดหน้าจอไปด้วย ความร้อนจะสูงขึ้น (44°C ใน 10 นาที) อาจมีอาการทัชหน่วงได้บ้าง แนะนำให้ใช้พัดลมระบายความร้อนช่วย
- Bypass Charging ฟีเจอร์ชาร์จตรงเข้าเครื่องไม่ผ่านแบตฯ ทำงานได้ดี ช่วยลดความร้อนขณะเล่นเกมไปชาร์จไปได้มาก
- ข้อสังเกตเรื่องความร้อน แม้จะดีขึ้น แต่การใช้งานกล้องถ่ายรูป หรือเล่นเกมหนักๆ ก็ยังทำให้อุณหภูมิเครื่องอุ่นขึ้นเร็วกว่าปกติเล็กน้อย และเนื่องจากตัวเครื่องเป็นโลหะ การระบายความร้อนจะรู้สึกได้ที่มือผู้ใช้โดยตรง (แต่ก็เย็นลงเร็วเช่นกัน)
กล้องเป็นจุดแข็งที่เซอร์ไพรส์ ถ่ายสวยเกินคาด
- เลนส์หลัก 50MP (f/1.9, OIS): ถ่ายภาพได้สวย คมชัด มีมิติ เก็บรายละเอียดได้ดีมาก
- เลนส์ Periscope 50MP (f/2.4, OIS, 3x Optical): คุณภาพยอดเยี่ยม เซ็นเซอร์ขนาดเดียวกับเลนส์หลัก (1/1.56 นิ้ว) ทำให้ภาพที่ได้จากระยะ 3x มีคุณภาพดีมาก ใกล้เคียงเลนส์หลัก สามารถซูมแบบใช้งานได้ดีถึง 6x และดิจิทัลสูงสุด 100x
- เลนส์ Ultrawide 8MP พอใช้งานได้ในที่แสงดี แต่ควรหลีกเลี่ยงในที่แสงน้อย เพราะรายละเอียดจะหายไปพอสมควร
- คุณภาพรูปถ่าย ถ่ายออกมาได้สวยงาม มีมิติ การประมวลผลภาพทำได้ดีคล้ายค่าย Huawei โทนสีอาจจะมีเพี้ยนบ้างเล็กน้อย หรือติดอุ่นๆ บ้าง แต่โดยรวมถือว่ายอดเยี่ยมในราคานี้ ทั้งภาพบุคคล ภาพวิว หรือการซูม
- โหมด Portrait ทำได้ดีทั้งกล้องหน้าและหลัง ตัดขอบค่อนข้างเนียน ใช้ได้ทั้งกับคนและสิ่งของ สามารถถ่ายที่ระยะ 3x (70mm) ได้ด้วยเลนส์ Periscope ให้มิติที่ดี
- กล้องหน้า 32MP คุณภาพดีมาก ถ่ายสวย คมชัด สกินโทนอมชมพู/แดงนิดๆ เก็บ HDR ได้ดีพอสมควร
- คุณภาพวิดีโอโดยรวมถือว่าใช้ได้ มี OIS ช่วยกันสั่น แต่การเคลื่อนไหวอาจจะยังไม่สมูทเท่าคู่แข่งที่เน้นวิดีโอโดยตรง และไม่สามารถสลับเลนส์ระหว่างถ่ายได้ (ยกเว้น 1080p/30fps) การเก็บเสียงพอใช้ได้
- ข้อสังเกตในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยมากๆ Ultrawide จะมี Noise เยอะ ส่วนเลนส์หลักและ Periscope ทำได้ดีกว่า การถ่ายวิดีโออาจจะยังไม่โดดเด่นเท่าภาพนิ่ง
- Wi-Fi แรงทะลุโลก GPS แม่นยำเหลือเชื่อกว่าที่คาดไว้
จุดเด่น Infinix Note 50 Pro+ 5G
- งานประกอบและวัสดุ พรีเมียม แข็งแรง หรูหราเกินราคา
- ประสิทธิภาพดี โดยใช้ชิป Dimensity 8350 แรง เล่นเกมลื่น (หลังเครื่องปรับตัวเรื่องความร้อน)
- หน้าจอ 144Hz ลื่นไหล สีสันสดใส ดูคอนเทนต์สนุก
- กล้องถ่ายภาพนิ่ง คุณภาพดีมาก โดยเฉพาะเลนส์หลักและ Periscope ถ่ายสวย มีมิติ
- การเชื่อมต่อ Wi-Fi/GPS โดดเด่นมาก แรง เสถียร แม่นยำ ไว้ใจได้
- ระบบชาร์จ ครบเครื่องที่สุด ทั้งมีสาย 100W, ไร้สาย 50W, และ Reverse Charge ชาร์จกลับให้เครื่องอื่นได้
- ฟีเจอร์โดยรวมอัดแน่น คุ้มค่ากับราคา
ข้อเสีย - ข้อสังเกตุ
- ความร้อนช่วงแรกที่ใช้งาน หรือเมื่อใช้งานหนักๆ (เล่นเกม + อัดจอ, ใช้กล้องนานๆ) เครื่องจะร้อนเร็วกว่าปกติ แต่ดูเหมือนจะจัดการได้ดีขึ้นเมื่อใช้งานไปสักพัก หรือใช้ Bypass Charging/พัดลมช่วย
- กล้อง Ultrawide คุณภาพดรอปลงชัดเจนในที่แสงน้อย และการถ่ายวิดีโอ
- วิดีโอ คุณภาพโดยรวมยังไม่โดดเด่นเท่าภาพนิ่ง และมีข้อจำกัดเรื่องการสลับเลนส์
- ลำโพง คุณภาพเสียงดี แต่ยังไม่ถึงกับดีที่สุดในคลาส
- Software/UI อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัว และรอการ Optimize เพิ่มเติม
Infinix Official Store รุ่น NOTE 50 Series ติดตามข้อมูล เพิ่มเติมได้ที่
Shopee: https://cutt.ly/ZrhvRS6q
Lazada: https://s.lazada.co.th/a.0RfA
TikTok Shop: https://cutt.ly/grhvKvsK
คำแนะนำสำหรับคนที่สนใจรุ่นนี้
Infinix Note 50 Pro+ 5G เป็นมือถือที่ "จัดเต็ม" และ "คุ้มค่า" มากๆ ในช่วงราคาหมื่นต้นๆ หากคุณกำลังมองหามือถือที่ดีไซน์สวยงาม วัสดุพรีเมียม แข็งแรงประสิทธิภาพแรง เล่นเกมลื่น (อาจต้องจัดการเรื่องความร้อนบ้าง) หน้าจอสวย สีสดใส ลื่นไหล 144Hz กล้องถ่ายรูปนิ่งคุณภาพดีเยี่ยม มีเลนส์ซูม Periscope ที่ใช้งานได้จริง ต้องการการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ GPS ที่ดีที่สุดในงบ ให้ความสำคัญกับระบบชาร์จที่รวดเร็วและครบครัน (โดยเฉพาะชาร์จสาย 100W และไร้สาย 50W)
รุ่นนี้คือหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่คุณไม่ควรมองข้ามเลยครับ มันอาจจะมีจุดสังเกตอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มาในราคานี้ ถือว่า Infinix ทำการบ้านมาได้ดีเยี่ยม และยกระดับตัวเองขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่งจริงๆ ครับ