สแกนนิ้วมือ VS สแกนหน้า แตกต่างกันยังไง ? อันไหนปลอดภัยกว่ากัน
ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบนสมาร์ทโฟนเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เทคโนโลยีชีวมิติ เช่น การสแกนใบหน้าและการสแกนลายนิ้วมือ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ บทความนี้จะพาคุณสำรวจความแตกต่างระหว่างสองเทคโนโลยีนี้ รวมถึงประวัติและความปลอดภัยของแต่ละแบบ
การสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Recognition)
ประวัติการพัฒนา
การสแกนลายนิ้วมือเริ่มปรากฏบนอุปกรณ์พกพาในช่วงต้นทศวรรษ 2000 โดยในปี 2004 โทรศัพท์มือถือรุ่น Pantech GI100 จากเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในรุ่นแรกที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ต่อมาในปี 2013 Apple ได้เปิดตัว iPhone 5s ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี Touch ID ที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ในปุ่มโฮม ทำให้การยืนยันตัวตนรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น
หลักการทำงาน
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือทำงานโดยการอ่านลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์บนปลายนิ้วของผู้ใช้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก
- เซ็นเซอร์แบบ Capacitive ใช้กระแสไฟฟ้าในการจับภาพลายนิ้วมือ มีความแม่นยำและปลอดภัยสูง พบในอุปกรณ์ระดับพรีเมียม
- เซ็นเซอร์แบบ Optical ใช้แสงในการจับภาพลายนิ้วมือ แต่มีความปลอดภัยน้อยกว่าเนื่องจากสามารถถูกหลอกด้วยภาพถ่ายได้ง่าย
ความปลอดภัย
การสแกนลายนิ้วมือถือว่ามีความปลอดภัยสูง เนื่องจากลายนิ้วมือของแต่ละคนมีความเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าการปลอมแปลงลายนิ้วมือสามารถทำได้โดยใช้วัสดุเช่นเจลหรือซิลิโคนและจะต้องใช้ทักษะและอุปกรณ์เฉพาะทาง
การสแกนใบหน้า (Facial Recognition)
ประวัติการพัฒนา
เทคโนโลยีการสแกนใบหน้าเริ่มได้รับความสนใจในช่วงต้นทศวรรษ 2010 โดยในปี 2011 Android 4.0 ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Face Unlock ที่ใช้กล้องหน้าสำหรับการปลดล็อกอุปกรณ์ แต่มีความปลอดภัยต่ำเนื่องจากสามารถถูกหลอกด้วยภาพถ่ายได้ ต่อมาในปี 2017 Apple ได้เปิดตัว iPhone X พร้อมกับเทคโนโลยี Face ID ที่ใช้การสแกนใบหน้าแบบ 3D ทำให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น
หลักการทำงาน
การสแกนใบหน้ามีสองรูปแบบหลัก
- การสแกนใบหน้าแบบ 2D ใช้กล้องหน้าธรรมดาในการจับภาพใบหน้า มีความปลอดภัยต่ำ โดยเปรียบเทียบภาพที่ได้กับข้อมูลที่บันทึกไว้ล่วงหน้า สามารถถูกหลอกด้วยภาพถ่ายหรือวิดีโอได้ง่ายกว่าแบบ 3D
- การสแกนใบหน้าแบบ 3D ใช้เซ็นเซอร์เฉพาะทาง เช่น อินฟราเรด และโปรเจคเตอร์จุด เพื่อสร้างแผนที่สามมิติของใบหน้า ส่งผลให้สามารถตรวจจับความลึกและรายละเอียดของโครงสร้างใบหน้าได้อย่างแม่นยำ ทำให้ยากต่อการปลอมแปลงด้วยภาพถ่ายหรือวิดีโอ
ความปลอดภัย
การสแกนใบหน้าแบบ 3D มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากสามารถตรวจจับความลึกและรายละเอียดของใบหน้าได้ ในขณะที่การสแกนใบหน้าแบบ 2D มีความปลอดภัยต่ำและควรหลีกเลี่ยงหากให้ความสำคัญกับความปลอดภัย จะสังเกตุได้ว่าแอพธนาคารจะอนุญาตให้ปลดล็อคใบหน้าได้จากรุ่นที่ใช้สแกนหน้า 3D อย่างทาง Apple iPhone มากกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ใช้เพียงแบบ 2D
การเปรียบเทียบความปลอดภัยระหว่างการสแกนลายนิ้วมือและการสแกนใบหน้า
- ความแม่นยำ การสแกนลายนิ้วมือมีความแม่นยำสูง เนื่องจากลายนิ้วมือมีความเฉพาะตัวมากกว่าใบหน้า
- ความสะดวกสบาย การสแกนใบหน้ามีความสะดวกสบายมากกว่า เนื่องจากไม่ต้องสัมผัสอุปกรณ์ แต่การสแกนลายนิ้วมืออาจรวดเร็วกว่าในบางสถานการณ์
- ความปลอดภัย การสแกนใบหน้าแบบ 3D และการสแกนลายนิ้วมือแบบ Capacitive มีความปลอดภัยสูง ในขณะที่การสแกนใบหน้าแบบ 2D มีความปลอดภัยต่ำ
สรุป
ทั้งการสแกนลายนิ้วมือและการสแกนใบหน้ามีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกใช้เทคโนโลยีใดขึ้นอยู่กับความต้องการและความสำคัญที่ให้กับความปลอดภัยและความสะดวกสบายของผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการสแกนใบหน้าแบบ 2D หากให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลเป็นหลัก