แชร์

สแกนนิ้วมือ VS สแกนหน้า แตกต่างกันยังไง ? อันไหนปลอดภัยกว่ากัน

อัพเดทล่าสุด: 10 เม.ย. 2025
73 ผู้เข้าชม

ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบนสมาร์ทโฟนเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เทคโนโลยีชีวมิติ เช่น การสแกนใบหน้าและการสแกนลายนิ้วมือ ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้ บทความนี้จะพาคุณสำรวจความแตกต่างระหว่างสองเทคโนโลยีนี้ รวมถึงประวัติและความปลอดภัยของแต่ละแบบ

การสแกนลายนิ้วมือ (Fingerprint Recognition)

ประวัติการพัฒนา

การสแกนลายนิ้วมือเริ่มปรากฏบนอุปกรณ์พกพาในช่วงต้นทศวรรษ 2000 โดยในปี 2004 โทรศัพท์มือถือรุ่น Pantech GI100 จากเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในรุ่นแรกที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ต่อมาในปี 2013 Apple ได้เปิดตัว iPhone 5s ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยี Touch ID ที่ฝังเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ในปุ่มโฮม ทำให้การยืนยันตัวตนรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น 

หลักการทำงาน

เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือทำงานโดยการอ่านลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์บนปลายนิ้วของผู้ใช้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก

  • เซ็นเซอร์แบบ Capacitive ใช้กระแสไฟฟ้าในการจับภาพลายนิ้วมือ มีความแม่นยำและปลอดภัยสูง พบในอุปกรณ์ระดับพรีเมียม
  • เซ็นเซอร์แบบ Optical ใช้แสงในการจับภาพลายนิ้วมือ แต่มีความปลอดภัยน้อยกว่าเนื่องจากสามารถถูกหลอกด้วยภาพถ่ายได้ง่าย

ความปลอดภัย

การสแกนลายนิ้วมือถือว่ามีความปลอดภัยสูง เนื่องจากลายนิ้วมือของแต่ละคนมีความเฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าการปลอมแปลงลายนิ้วมือสามารถทำได้โดยใช้วัสดุเช่นเจลหรือซิลิโคนและจะต้องใช้ทักษะและอุปกรณ์เฉพาะทาง 

การสแกนใบหน้า (Facial Recognition)

ประวัติการพัฒนา

เทคโนโลยีการสแกนใบหน้าเริ่มได้รับความสนใจในช่วงต้นทศวรรษ 2010 โดยในปี 2011 Android 4.0 ได้เปิดตัวฟีเจอร์ Face Unlock ที่ใช้กล้องหน้าสำหรับการปลดล็อกอุปกรณ์ แต่มีความปลอดภัยต่ำเนื่องจากสามารถถูกหลอกด้วยภาพถ่ายได้ ต่อมาในปี 2017 Apple ได้เปิดตัว iPhone X พร้อมกับเทคโนโลยี Face ID ที่ใช้การสแกนใบหน้าแบบ 3D ทำให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น 

หลักการทำงาน

การสแกนใบหน้ามีสองรูปแบบหลัก

  • การสแกนใบหน้าแบบ 2D ใช้กล้องหน้าธรรมดาในการจับภาพใบหน้า มีความปลอดภัยต่ำ โดยเปรียบเทียบภาพที่ได้กับข้อมูลที่บันทึกไว้ล่วงหน้า สามารถถูกหลอกด้วยภาพถ่ายหรือวิดีโอได้ง่ายกว่าแบบ 3D 
  • การสแกนใบหน้าแบบ 3D ใช้เซ็นเซอร์เฉพาะทาง เช่น อินฟราเรด และโปรเจคเตอร์จุด เพื่อสร้างแผนที่สามมิติของใบหน้า ส่งผลให้สามารถตรวจจับความลึกและรายละเอียดของโครงสร้างใบหน้าได้อย่างแม่นยำ ทำให้ยากต่อการปลอมแปลงด้วยภาพถ่ายหรือวิดีโอ

ความปลอดภัย

การสแกนใบหน้าแบบ 3D มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากสามารถตรวจจับความลึกและรายละเอียดของใบหน้าได้ ในขณะที่การสแกนใบหน้าแบบ 2D มีความปลอดภัยต่ำและควรหลีกเลี่ยงหากให้ความสำคัญกับความปลอดภัย จะสังเกตุได้ว่าแอพธนาคารจะอนุญาตให้ปลดล็อคใบหน้าได้จากรุ่นที่ใช้สแกนหน้า 3D อย่างทาง Apple iPhone มากกว่ารุ่นอื่นๆ ที่ใช้เพียงแบบ 2D 

การเปรียบเทียบความปลอดภัยระหว่างการสแกนลายนิ้วมือและการสแกนใบหน้า

  • ความแม่นยำ การสแกนลายนิ้วมือมีความแม่นยำสูง เนื่องจากลายนิ้วมือมีความเฉพาะตัวมากกว่าใบหน้า
  • ความสะดวกสบาย การสแกนใบหน้ามีความสะดวกสบายมากกว่า เนื่องจากไม่ต้องสัมผัสอุปกรณ์ แต่การสแกนลายนิ้วมืออาจรวดเร็วกว่าในบางสถานการณ์
  • ความปลอดภัย การสแกนใบหน้าแบบ 3D และการสแกนลายนิ้วมือแบบ Capacitive มีความปลอดภัยสูง ในขณะที่การสแกนใบหน้าแบบ 2D มีความปลอดภัยต่ำ

สรุป

ทั้งการสแกนลายนิ้วมือและการสแกนใบหน้ามีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกใช้เทคโนโลยีใดขึ้นอยู่กับความต้องการและความสำคัญที่ให้กับความปลอดภัยและความสะดวกสบายของผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการสแกนใบหน้าแบบ 2D หากให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลเป็นหลัก


บทความที่เกี่ยวข้อง
Bluetooth คืออะไร? รู้จักเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สายยอดนิยม
Bluetooth คือเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายระยะสั้นที่ใช้คลื่นความถี่ 2.4 GHz เพื่อส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ มือถือสมาร์ทโฟน หูฟัง ลำโพง และอุปกรณ์ IoT โดยไม่ต้องใช้สาย Cable ในการเชื่อมต่อใดๆ ช่วยให้การเชื่อมต่อรวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้น เช่น การเชื่อมต่อไร้สายระหว่างหูฟังและมือถือ เพื่อส่งข้อมูลเสียงต่างๆ
23 เม.ย. 2025
มือถือที่ใช้งาน eSIM การรับสัญญาณ 5G แย่กว่าซิมปกติ จริงไหม?
ในยุคที่เทคโนโลยีมือถือพัฒนาอย่างรวดเร็ว eSIM หรือ embedded SIM กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่สะดวกสบายมากขึ้นสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายคน โดยเฉพาะกับการรองรับเครือข่าย 5G ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในประเทศไทยและทั่วโลก
23 เม.ย. 2025
vivo X200 Ultra มือถือที่ใกล้เคียง 'กล้อง' มากขึ้นกว่าเดิม
ในยุคที่กล้องบนสมาร์ทโฟนพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป Vivo ได้ตัดสินใจเดินเกมใหญ่ ด้วยการเปิดตัว Vivo X200 Ultra มือถือสมาร์ทโฟนเรือธงที่บริษัทนิยามว่าเป็น กล้อง Mirrorless ที่โทรออกได้
22 เม.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy