iPhone vs Android ตัวเลขแบตเตอรี่ mAh สำคัญไฉน ?
ทำไมแบตเตอรี่ iPhone มีความจุมิลลิแอมป์น้อยกว่า แต่อึดใกล้เคียงมือถือแบตใหญ่จากฝั่ง Android ?
ผมว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม iPhone ที่มีแบตเตอรี่ความจุน้อยกว่ามือถือ Android บางรุ่น เช่น 3,000 - 4,000 mAh เทียบกับ 5,000 - 6,000 mAh ถึงยังสามารถใช้งานได้ใกล้เคียงกัน หรือบางครั้งอาจจะนานกว่าด้วยซ้ำ คำตอบนั้นซับซ้อนกว่าแค่ตัวเลข mAh (มิลลิแอมป์) และเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายประการที่ Apple ให้ความสำคัญในการออกแบบ iPhone มานั่นเอง
(ภาพข้อมูลการทดสอบจาก innogyan)
1. การผสานรวมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
นี่คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ iPhone แตกต่างจากมือถือ Android ส่วนใหญ่ Apple ควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์ (ชิปประมวลผล, หน้าจอ, ฯลฯ) และซอฟต์แวร์ (iOS) อย่างเบ็ดเสร็จ ทำให้สามารถปรับแต่งและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานร่วมกันได้อย่างลงตัว
- ชิปประมวลผล: Apple ออกแบบชิป A-series เอง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพต่อพลังงาน (Performance per Watt) หมายความว่าชิปสามารถทำงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ โดยจะใช้พลังงานน้อยกว่าชิปของคู่แข่งในบางการทำงานนั่นเอง
- ระบบปฏิบัติการ iOS ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ของ Apple โดยเฉพาะ ทำให้สามารถจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปิดแอปพลิเคชันที่ไม่ใช้งานเบื้องหลัง (Background App Refresh) อย่างชาญฉลาด และลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นออกไป ส่งผลให้แบตลดช้ากว่า
2. การปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้เหมาะสม
Apple ให้ความสำคัญกับการปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้เข้ากับฮาร์ดแวร์อย่างละเอียด ตัวอย่างเช่น
- การจัดการพลังงานของหน้าจอ โดยไอโฟนใช้เทคโนโลยีหน้าจอที่ประหยัดพลังงาน และมีการปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม
- การบีบอัดข้อมูล iOS มีระบบบีบอัดข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การรับส่งข้อมูลใช้พลังงานน้อยลงกว่า
- การจัดการแอปพลิเคชันช่วงที่เราไม่ได้เปิดใช้งาน (Background App Refresh) โดยไอโฟนจะอนุญาตให้แอปพลิเคชันบางตัวทำงานเบื้องหลังได้ แต่จำกัดการทำงานเหล่านั้นเพื่อประหยัดพลังงาน
3. การควบคุมคุณภาพของแอปพลิเคชัน
Apple มีกระบวนการตรวจสอบแอปพลิเคชันที่เข้มงวดก่อนอนุญาตให้เผยแพร่บน App Store ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้พลังงานของแอปพลิเคชันด้วย หากแอปพลิเคชันใดใช้พลังงานมากเกินไป Apple อาจไม่อนุมัติให้เผยแพร่มาทาง App Store
4. ปัจจัยอื่นๆ
- ขนาดหน้าจอ โดยทั่วไปแล้ว iPhone หลายรุ่นจะมีขนาดหน้าจอเล็กกว่ามือถือ Android บางรุ่น ซึ่งส่งผลให้ใช้พลังงานน้อยกว่าในการใช้งาน
- ความละเอียดหน้าจอ iPhone อาจมีความละเอียดหน้าจอที่ต่ำกว่ามือถือ Android บางรุ่น ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้
- พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนมีผลต่อระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ การใช้งานแอปพลิเคชันที่ใช้พลังงานมาก เช่น เล่นเกม หรือการดูวิดีโอ จะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าการใช้งานทั่วไปด้วยเช่นกัน
(ภาพข้อมูลการทดสอบจากยูทูปช่อง : Tech Master)
สรุป
แม้ว่า iPhone จะมีแบตเตอรี่ความจุน้อยกว่ามือถือ Android บางรุ่น แต่ด้วยการผสานรวมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างลงตัว การปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้เหมาะสม การควบคุมคุณภาพของแอปพลิเคชัน และปัจจัยอื่นๆ ทำให้ iPhone สามารถใช้งานได้ใกล้เคียงหรือนานกว่ามือถือ Android ที่มีแบตเตอรี่ความจุมากกว่าได้ นี่คือเหตุผลที่ตัวเลขมิลลิแอมป์ (mAh) ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่แม่นยำเสมอไปครับ โดยหากใครที่ต้องการมือถือแบตเตอรี่อึดมากๆ แนะนำให้ดูเปรียบเทียบกันในแต่ละยี่ห้อผ่านคลิปรีวิวของอินฟลูต่างๆ จะดีกว่า
เอาจริงๆ ตอนนี้ดูแค่ความอึดของการใช้งานจากแบตเตอรี่แล้ว ไอโฟนดูดีกว่าก็จริง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการชาร์จแบตกลับเครื่องแล้วละก็..... พี่จีนไปไกลมากกกกก